หน้าร้อนทำให้โน๊ตบุคเสียได้ง่าย ทุกครั้งที่ได้ยินใครพูดประโยคนี้บางทีก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ไปค้านว่าไม่จริงเพราะเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงสักเท่าไหร่แต่ว่ารายละเอียดจะต้องพูดถึงมากกว่าหน้าร้อนเพราะว่าอากาศร้อนไม่ใช่สาเหตุหลักแน่นอน มั่นใจอย่างนั้นสาเหตุแท้จริงแล้วคืออะไร ?
คงไม่พ้นเรื่องความร้อนแน่นอนซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับทั้งการบำรุงรักษาเครื่องและสภาพพื้นที่และลักษณะการใช้งานของแต่ละคนด้วย โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่มักจะชอบเล่นโน๊ตบุคบนที่นอนหรือนิยมที่จะใช่เบาะนุ่มๆมารองขณะใช้งานโน๊ตบุคซึ่งเคยแนะนำไปบ่อยครั้งมากเกี่ยวกับการบำรุงรักษาเครื่องว่าไม่ควรเล่นโน๊ตบุคบนที่นอน
มาพูดถึงเหตุผลว่าทำไม่จึงมักจะเสียในหน้าร้อน สาเหตุก็คือโน้ตบุคเหรือแม้แต่คอมพิวเตอร์เดสท็อป(ตั้งโต๊ะ)เองก็เป็นไปได้เมื่อใช้งานนานๆส่วนใหญ่จะเกิน1ปีขึ้นไปฝุ่นมักจะเกาะและสะสมถึงขั้นการอุดตันช่องระบายความร้อนก็ในระยะเวลานี้พอดิบพอดี และซิลิโคลนที่ติดเพื่อระบายความร้อนก็จะเริ่มเสื่อมสภาพในช่วงเวลานี้พอดิบพอดีเช่นเดียวกัน เรื่องซิลิโคนจะขอพูดถึงในบทอื่น
เมื่อถึงขั้นนี้แล้วความร้อนของเครื่องจะเพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาการที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือเช่นเครื่องอาจะหน่วงๆ ช้าๆ อืดๆ เวลาที่เครื่องร้อนตรงนี้ก็แล้วแต่เครื่องว่าหนัก-เบาขนาดไหน บางเครื่องก็ค้างถึงขั้นดับไปแล้วเปิดใหม่ก็ติดขึ้นมาใช้งานได้อีกครั้ง หรือหนักกว่านี้คือดับเหมือนกันแต่ยังเปิดไม่ติดทันทีต้องทิ้งไว้หลายๆชั่วโมงหรือเป็นวัน ถ้าแค่นี้ถือว่าปานกลางเพราะถ้าหนักที่สุดคือดับไปแล้วเปิดไม่ติดอีกเลยนั่นหมายความว่าชิปเซ็ท(Chipset) หรือชิปการ์ดจอ (Chip VGA) เสียไปแล้วแน่นอน
สาเหตุที่มาเกิดปัญหามากในช่วงหน้าร้อนยกตัวอย่างเช่น ทุกๆเครื่องมักจะโพรเทคความร้อนที่ประมาณ 90องศาเครื่องจะสั่งหยุดการทำงาน ฉะนั้นหากระบบการระบายความร้อนมีปัญหาเช่นร้อนสัก 80-85 องศาเครื่องอาจจะยังใช้งานได้อยู่แม้จะอืดๆ ค้างๆก็ยังไม่ดับ พอเข้าหน้าร้อนอุณหภูมิเพิ่มขึ้นมา 5-10องศาอาการเสียจึงปรากฏขึ้นมาทันทีก็คืออุณหภูมิสูงขึ้นมาจนถึงระดับโพรเทค คือเครื่องสั่งหยุดการทำงาน อาการที่ปรากฏคือเครื่องดับ จึงมักเข้าใจว่าหน้าร้อนแล้วจะทำให้เครื่องดับ
การบำรังรักษาคือเครื่องที่ใช้งานผ่าน1ขวบปีมาแล้วทุก3เดือนควรเป่าฝุ่นบริเวณช่องระบายความร้อนสักครั้งก็จะช่วยยืดอายุเครื่องได้ วิธีการสามารถทำได้ตามคลิปด้านล่างนี้
แต่หากวิธีดังกล่าวไม่ได้ผลเหลือวิธีคือต้องแกะเครื่องมาทำความสะอาดและเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ตรงนี้ไม่แนะนำใครที่ไม่มีทักษะในการแกะประกอบลงมือทำเองเพราะอาจเกิดปัญหาบานปลายได้ควรยกไปหาช่างใกล้บ้านราคาประมาณ 800 บาทในการแกะทำความสะอาดเครื่องเปลี่ยนซิลิโคนใหม่(ราคาค่อนข้างเป็นมาตรฐาน,ไม่รวมอาการอื่น)
แนะนำ หากเครื่องเริ่มมีอาการควรรีบแก้ไขเริ่มจากแก้ไขด้วยตัวเอง ถ้าเกินความสามารถก็ควรให้ช่างแก้ไขให้ รีบแก้ไขตอนที่เครื่องยังเปิดติดอยู่เพราะถ้ารอคนเครื่องเปิดไม่ติดนั่นหมายคงามว่า Chipset เสียไปแล้วค่าใช้จ่ายในการซ่อมเปลี่ยนชิปใหม่ตั้งแต่ 2500-3500บาทเลยทีเดียว หากเป็นรุ่นใหม่ประเภท CPU ออนบอร์ดค่าใช้จ่ายอาจจะสูงขึ้นไปอีก
-------------------------------------------------------------------------------
สอบถามช่องทางติดต่อด้านล่าง